ThanachartCSRThanachartCSR
ThanachartCSR
ThanachartCSR
  • หน้าแรก
  • พันธกิจ
  • กิจกรรมเพื่อสังคมกลุ่มธนชาต
    • ธนชาต ริเริ่ม…เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย
    • Rethink คิดใหม่ ใช้เงินเป็น เห็นความสุข
    • พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน
      • ประวัติความเป็นมา
      • ความหมาย
      • รูปภาพกิจกรรม
    • โครงการสะพานบุญ
      • ความเป็นมา
      • ประวัติโครงการ
      • องค์กรที่ร่วมโครงการ
    • งานกาชาด
      • ประวัติความเป็นมา
      • ข่าวสาร
      • รูปภาพกิจกรรม
    • ปฏิทินธนชาต
  • ข่าวและบทความ
  • ติดต่อเรา
Menu back  

เป็นหนี้ทั้งที ต้องเอาตัวให้รอด

September 12, 2015รู้จักวางแผนBy Thanachart CSR

ใครบ้างจะอยากเป็นหนี้  ถ้ามีเงินก็ไม่เป็นหนี้ใครหรอกจริงมั้ย? แต่เมื่อรายรับไม่เท่ากับรายจ่าย การต้องเป็นหนี้แบบจำเป็นหรือด้วยสถานการณ์ไม่คาดคิด ก็อาจเกิดขึ้นได้ และอาจทำให้เราอยู่ในภาวะจำยอม

ต้องยืมเงินและเป็นหนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเมือ บางครั้งเราอาจต้องเจอสถานการณ์ ต้องเป็นหนี้  เราก็ควรมีการ “วางแผนเป็นหนี้”  และ “วางแผนปลดหนี้” กันล่วงหน้า เพื่อที่เราจะได้เป็นหนี้ในแบบ เอาตัวรอดได้

เคล็ดลับ “เป็นหนี้ทั้งที ต้องเอาตัวให้รอด”

เคล็ดลับที่ 1:  รู้ตัวว่ากำลังจะเป็นหนี้

ข้อนี้สำคัญมาก เพราะถือเป็นจุดกำเนิดหนี้ ดังนั้น ในทุกๆครั้งที่เรากำลังจะยืมเงินใคร เราต้องรู้และไตร่ตรองให้ดีว่า   เรามีความจำเป็นที่จะต้องยืมเงินจำนวนนี้จริงๆหรือไม่ หรือลองไตร่ตรองถึงสาเหตุของการต้องเป็นหนี้ ว่ามันเหตุจำเป็น หรือเป็นเพียงความอยากได้  เช่น ต้องการยืมเงินเพื่อการท่องเที่ยว หรือเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อันนี้ ถือว่าอยากได้จนต้องเป็นหนี้  แต่หากจำเป็นเพื่อเป็นค่ารักษาอาการเจ็บป่วยของคนในบ้านจากโรคร้ายแบบไม่พึงประสงค์ อันนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็น  และถึงแม้จะเป็นเรื่องจำเป็น เราก็ควรจะคิดไตร่ตรองก่อนอีกครั้ง ว่าพอจะมีหนทางใด หรือมีค่าใช้จ่ายส่วนใหน หรือสิ่งของใดที่ไม่จำเป็น และเราสามารถลด หรือโละ เพื่อนำเงินมาใช้แทนการเป็นหนี้ได้บ้าง

 

เคล็ดลับที่ 2:  ความสามารถในการคืนหนี้

เมื่อมีความจำเป็นต้องเป็นหนี้ใครหรือสถาบันการเงินใด ให้เปรียบเทียบจำนวนเงินที่ต้องชำระคืน ต้องเข้าใจว่าการกู้เงินประเภทไหน ที่จะช่วยให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยสุด และปลดหนี้ได้เร็วสุด  เช่นหากเป็นการยืมคนสนิท หรือญาติพี่น้องที่ไม่คิดดอกเบี้ย วิธีนี้ย่อมดีสุด แต่เราก็ต้องชำระคืนให้เร็วที่สุด ตามที่น้ำใจของญาติพี่น้องให้มา  แต่หากเป็นการกู้นอกระบบ ซึ่งมักจะมีดอกเบี้ยสูง ก็อยากให้ทางเลือกนี้ไม่เกิดขึ้น หรือเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะวิธีนี้ อาจจะทำให้คุณ “เป็นหนี้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดได้”  สำหรับวิธีที่ปลอดภัยและถูกต้องที่สุด คือ การขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพราะมีขั้นตอน มีระบบ และมีทางเลือกให้กับเรา

 

เคล็ดลับที่ 3: รู้ความต่างของสินเชื่อ

เมื่อเราตัดสินใจจะใช้บริการสินเชื่อกับสถาบันการเงินใด ก็ยังจำเป็นต้องศึกษาและหาสินเชื่อที่เหมาะสมและช่วยให้เราจ่ายดอกเบี้ยน้อย และหมดภาระหนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งสินเชื่อดังกล่าว มีอยู่ 2 แบบ คือ

สินเชื่อแบบไม่ต้องใช้หลักประกันตัวอย่างสินเชื่อแบบไม่ต้องมีหลักประกัน ได้แก่  บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต เช่นการกดเงินสดจากบัตรเครดิต หรือการขอสินเชื่อบุคคลในรูปแบบผ่อนชำระกับบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล  สินเชื่อประเภทนี้จะคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมาก

สินเชื่อแบบต้องใช้หลักประกัน

สินเชื่อประเภทนี้ คือการนำสินทรัพย์ เช่น บ้าน รถยนต์ มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งสินเชื่อลักษณะนี้ จะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ  หรืออาจเป็นสินเชื่อประเภท จำนำ คือการนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช้งานมาเป็นหลักประกัน เช่น ทอง นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็สามารถทำได้เพราะมีอัตราเงินกู้ที่ไม่สูงมากนัก

ดังนั้น หากจำเป็นต้องใช้เงิน แนะนำให้เลือกสินเชื่อแบบมีหลักประกันก่อนแบบไม่มีหลักประกัน

 

เคล็ดลับที่ 4: เป็นหนี้อย่างมีวินัย

ในเมื่อเป็นหนี้แล้ว ก็ควรมีวินัยในการชำระหนี้เช่นกัน ควรจะชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ไม่ว่ากับบุคคลหรือกับสถาบันการเงิน โดยชำระตามกำหนด เพราะการชำระหนี้ล่าช้า ก็จะมีการเสียค่าปรับ และการคำนวนดอกเบี้ยของความล้าช้านั้นด้วย  ปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งมีการโทรแจ้งเตือนการชำระหนี้ และบางแห่งมีบริการแจ้งเตือนทาง SMS และแทบทุกแห่งเปิดโอกาสให้เราสมัครบริหารหักเงินจากบัญชีเงินฝากแบบอัตโนมัติ

หากเราไม่ชำระหนี้ให้ตรงเวลา จะทำให้เราเข้าสู่ภาวะ หนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดได้  เพราะความล่าช้า และการผิดนัดชำระ จะยิ่งทำให้เราต้องหาเงินก้อนที่ใหญ่ขึ้นมาชำระหนี้  รวมถึงดอกเบี้ยใหม่ของการชำระช้าก็จะยิ่งทำให้เราเป็นหนี้มากขึ้นอีกด้วย

 

เคล็ดลับที่ 5: โปะได้ โปะเลย

วิธีที่สามารถช่วยให้เราหมดหนี้เร็ว และชำระดอกเบี้ยน้อยคือการ “โปะ” หรือการนำเงินมาชำระหนี้ล่วงหน้า แต่ก่อนที่จะทำการโปะ ให้ศึกษาก่อนว่า หนี้ที่เรามีนั้นถูกคิดดอกเบี้ยในแบบไหน แบบ “ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก” หรือ “ดอกเบี้ยแบบคงที่”  หากเป็นแบบ ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เช่น สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด การชำระแบบ “โปะ” จะช่วยลดทั้งเงินต้น และลดดอกเบี้ยของจำนวนเงินที่เหลือค้างไว้   แต่หากการกู้เป็นแบบดอกเบี้ยคงที่ เช่น การเช่าซื้อรถยนต์ ก็ไม่จำเป็นต้องโปะ เพราะดอกเบี้ยถูกคำนวนให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดพร้อมๆ โดยเฉลี่ยออกมาเป็นการชำระรายงวด  การนำเงินก้อนมาชำระ จึงไม่เกิดผลเรื่องดอกเบี้ย เพียงแต่ทำให้หนี้สินหมดเร็วขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ก่อนคิดจะเป็นหนี้ ควรเริ่มต้นจากการ Rethink อีกครั้งว่าเป็นหนี้ที่จำเป็นหรือไม่ และควรมีการวางแผนชำระหนี้อย่างมีวินัย เพื่อชีวิตที่เป็นสุข และอยู่อย่างปราศจากหนี้สิน

Back to Rethink

About the author

Thanachart CSR

Related posts
<font color='orange'>Rethink: </font> 3 ความเชื่อผิดๆ เรื่องเงิน ที่อาจทำคุณ “พลาด” ไปตลอดชีวิต!
March 14, 2016
<font color='orange'>Rethink: </font> วางแผนการเงินเพื่อความสุขสบายในวัยเกษียณ
March 7, 2016
<font color='orange'>Rethink: </font> วางแผนอย่างไรเที่ยวต่างประเทศให้คุ้ม
February 29, 2016
<font color='orange'>Rethink: </font> วางแผนรักร่วมชีวิตกับ “เราและการจัดการรายได้”
February 22, 2016
<font color='orange'>Rethink: </font> วางแผนให้ดี ก่อนคิดซื้อรถ
February 15, 2016
<font color='orange'>Rethink: </font> วางแผนชีวิตให้มีความสุขแค่คิดใหม่ “ฟุ่มเฟือยอย่างมีสติ”
January 25, 2016

© 2558 สงวนลิขสิทธิ์ โดย ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)