เชื่อว่าหลายๆ คนคงต้องมีปัญหาเรื่องการใช้เงินบ้างล่ะว่าทำยังไงก็ยังคงมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายเสียที โดยเฉพาะเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย แต่การพูดแบบเหมารวมก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกินจริงเสียหน่อย
เพราะมนุษย์เงินเดือนบางคนก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างรวดเร็วผิดไป จากคนอื่นๆ ดังนั้นคงต้องมานั่งหาสาเหตุกันแล้วว่าทำไมเราถึงยังไม่รวย อดออมไม่ได้ แต่คนอื่นๆถึงทำได้ เราลองมาดูสิ่งต่อไปนี้และ เริ่มคิดใหม่ใช้เงินของเรากันดีกว่า
- เริ่มต้นด้วยการทำงบประมาณการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งในที่นี้จะคำนวณเฉพาะรายจ่ายที่จำเป็นต้องใช้จ่ายเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง เช่น ค่ารถ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าผ่อนบ้าน คาผ่อนรถยนต์ ค่าดูแลรักษาสิ่งของต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเราจะกำหนดเป็นค่ากลางๆไว้ก่อนหรืออาจจะกำหนดเป็นขั้นต่ำเลยก็ได้
ตัวอย่าง
ค่าอาหาร 120 บาทต่อวันX 30 วัน = 3,600 บาท
ค่าเดินทาง 40 บาทต่อวัน X 30 วัน = 1,200 บาท
ค่าโทรศัพท์มือถือ = 530 บาท
ค่าอินเทอร์เน็ต = 700 บาท
ค่าน้ำค่าไฟ = 800 บาท
รวม = 6,830 บาท ปัดเป็น 6,900 บาท
ดังนั้นเมื่อเงินเดือนออกเราอาจจะกดเงินออกมาเพื่อใช้ในจ่ายในเรื่องที่จำเป็นนี้ประมาณ 6,900 – 7,000 บาทก็ได้ และก็แยกออกมาใช้เป็นเรื่องๆแทน เช่น ค่าเดินทางอยู่อีกช่อง ค่าอาหารอยู่อีกช่อง เป็นต้น
- เบิกเท่าที่ทำงบประมาณการใช้จ่าย
เมื่อทำงบประมาณการใช้จ่ายไว้แล้วก็หมายความเงินจำนวนนั้นน่าจะพอใช้ไปได้ทั้งเดือนโดยที่เราไม่เดือดร้อน ดังนั้นเบิกเงินมากแค่พอใช้นั่นเอง
- โอนเงินทาง Internet Banking
ทำไมถึงบอกว่าให้ใช้ Internet Banking ก็เพราะมันมีความสะดวกรวดเร็วมากกว่าและทำให้เราไม่ต้องมาคอยผัดวันประกันพรุ่งเรื่องโอนเงินนั่นเอง และเราจะโอนเงินไปไหน คำตอบคือโอนเข้าไปบัญชืที่เปิดขึ้นมาเพื่อฝากเงินโดยเฉพาะนั่นเอง
- ตั้งเพดานงบช็อปปิ้งไว้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย มันต้องมีสักเรื่องที่เราเสียเงินไปได้เรื่อยๆ ดังนั้นในงานอดิเรกหรือสิ่งที่เราใช้จ่ายเงินไปเพื่อสิ่งนั้นเยอะๆ เช่น การสะสมหุ่นยนต์ หรือการช็อปปิ้งนั้นแทนที่จะหยุดการช็อปปิ้งไปเลย ควรเริ่มจากการตั้งเพดานค่าใช้จ่ายมากกว่า และห้ามใช้จ่ายมากกว่านั้นเด็ดขาด
- ลดค่าโทรศัพท์มือถือและค่าอินเทอร์เน็ตลง
เนื่องจากรายจ่ายในส่วนนี้อาจจะไม่จำเป็นนัก แต่ก็เป็นส่วนที่เราทิ้งไม่ได้และออกจะใช้จ่ายเพื่อสิ่งนี้ไปเยอะทีเดียว ดังนั้นคำแนะนำคือการจ่ายด้วยบัตรเครดิตสะดวกกว่า แต่การจ่ายทางบัตรเดบิตน่าจะถูกกว่าเพราะไม่มีดอกเบี้ยเหมือนบัตรเครดิตนั่นเอง
- ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยทีเดียว เพราะการทำบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นจะช่วยเรามองภาพรวมได้ง่ายกว่าเราใช้จ่ายไปกับเรื่องใดได้บ้าง และเราใช้จ่ายแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันมีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายแบบนี้หรือไม่ และอาจจะดูความคุ้มค่าของการใช้จ่ายเงินก็ได้ เช่น เรามีการใช้เงินเพื่อซื้อตั๋วบีทีเอสสัปดาห์ละ 3 ครั้งครั้งละ 40 บาท เดือนหนึ่งก็คิดเป็นค่าเดินทางส่วนนี้ไป 480 บาทแล้ว ซึ่งถ้าแล้วในราคานี้ การซื้อตั๋วแบบเป็นรายเดือนอาจจะถูกกว่าใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากเรามีพฤติกรรมการใช้บีทีเอสน้อยลง ตั๋วแบบรายเดือนก็อาจจะไม่ตำเป็นเช่นกัน ดังนั้นพฤติกรรมของเราที่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้องนั้น หากเราได้บันทึกลงไปในบัญชีรายรัยรายจ่ายก็จะช่วยให้การวางแผนการใช้เงินของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
แต่ถ้าหากคุณบอกว่าไม่มีเวลาที่จะมานั่งเขียนรายจ่ายทั้งวันลงไปในสมุดเลย เนื่องจากทำงานทั้งวันไม่มีเวลาแม้แต่จะพักเสียด้วยซ้ำ เราก็มีอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะช่วยให้คุณสะดวกในการทำบัญชีรายรับรายจ่าย นั่นก็คือ แอปพลิเคชั่น Money lover ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้จะเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของเรานั่นเอง ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นส่วนๆไว้ให้ว่าส่วนไหนเป็นรายรับ ส่วนไหนเป็นรายจ่ายและเป็นรายจ่ายประเภทไหนมาให้แล้ว ซึ่งมันสะดวกตรงที่เราสามารถยกโทรศัพท์ขึ้นมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ โดยการกรอกตัวเลขลงไปเท่านั้น ไม่ต้องมานั่งพกสมุดแล้วค่อยเขียนลงไป
และนี่คือวิธีการคิดใหม่เพื่อการใช้เงินเป็นที่เรามานำเสนอกัน แต่ละวิธีไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถเริ่มต้นการใช้เงินแบบฉลาดได้เสียที และความเป็นมนุษย์เงินเดือนรวยเงินออมนั้นก็จะไกลออกไปอีก วางแผนก่อน เริ่มต้นก่อน รวยก่อนนะ!