ยุคสมัยนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสการใช้สื่อ Social media ค่อนข้างมีผลต่อการตัดสินใจซื้อกันเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาก การรีวิวเครื่องสำอาง, เสื้อผ้าสินค้าแฟชั่น, ร้านอาหารหรูบรรยากาศดี, โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด
ซึ่งหารู้ไม่ว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นเป็นของฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ซึ่งถ้าหากเราฉลาดซื้อสามารถแยกแยะระหว่างความต้องการ (Want) กับความจำเป็น (Need) ออกจากกัน ก็จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเราสามารถเก็บออมเงินได้อย่างมากมายน่าเหลือเชื่อเลย ครับ!!!
ความหมายและข้อแตกต่างระหว่างความจำเป็นและความต้องการ มีดังนี้
ความจำเป็น (Need) = เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เช่น เรารู้สึกหิวต้องการทานอาหาร, รู้สึกเหนื่อยล้าต้องการๆนอนหลับพักผ่อน, รู้สึกร้อนต้องการพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
ความต้องการ (Want) = เป็นความปรารภนาที่ต้องการตอบสนองความรู้สึกชอบหรือพึงพอใจมากกว่าเพียงแค่เพื่อความจำเป็น เช่น เรารู้สึกหิวอยากไปทางอาหารในห้างหรือร้านหรู, รู้สึกเหนื่อยล้าต้องไปนวดผ่อนคลาย, รู้สึกร้อนต้องมีเครื่องปรับอากาศที่เย็นเร็ว ดีไซน์สวยงาม พร้อมระบบฟอกอากาศอย่างดี เป็นต้น
ข้อแตกต่าง |
|
ความจำเป็น |
ความต้องการ |
· เป็นการตอบสนองทางด้านร่างกายขั้นพื้นฐาน
· ใช้เหตุผลในการตัดสินใจเลือก · เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ (Daily use) · ราคาสินค้าอยู่ในเกณ์มาตรฐานหรือราคาตลาด |
· เป็นการตอบสนองทางด้านความรู้สึกและอารมณ์
· ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล · มักเป็นสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย เช่น ของแบรนด์เนม, รถสปอร์ต, อาหารราคาแพง เป็นต้น · ราคามักอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าปกติ |
ดังนั้นทุกครั้งก่อนซื้อ เราควรคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่าเป็นหลักเสียก่อน อย่าพึ่งไหลไปตามกระแสแฟชั่นที่เราได้รับรู้มาจากสื่อต่างๆ และตัดสินใจเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะแท้จริงแล้วบางครั้งของราคาแพงๆ ก็ใช้งานได้ไม่ต่างกันเหมือนกับของทั่วไป เช่น นาฬิกาแบรนด์เนมเรือนละหลายแสนบาท กับนาฬิกาทั่วไปราคาสมเหตุสมผล บางทีการใช้งานแทบไม่ต่างกันเลย หรือรถสปอร์ตราคาแพงหลักสิบล้านกับรถบ้านธรรมดา ก็สามารถนำพาเราไปถึงที่หมายปลายทางได้เช่นเดียวกัน
สุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาดี ไม่ว่าคุณจะซื้อด้วยเหตุผลอะไร…อย่าลืม ‘Rethink’ คิดอีกครั้ง และคำนึงถึงความจำเป็นหรือความอยากได้และเงินในกระเป๋าด้วยนะ
อย่าซื้อเพียงเพราะราคาถูกหรือลดราคา
เราเคยสังเกตกันบ้างไหมครับ หลายๆครั้งเวลาที่เรามักจะเสียเงินมากที่สุดมักจะเป็นตอนที่เห็นของราคาถูกหรือป้ายลดราคา (SALE) ยิ่งโดยเฉพาะขาช้อปประจำทั้งหลายแล้วน่าจะโดนกระตุ้นและดึงดูดด้วยสิ่งเหล่านี้ เพราะต่างคิดว่ามันคุ้มค่าและประหยัดเงินในกระเป๋า ซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
อย่างที่คนมักพูดกันว่า “ของถูกและดีไม่มีในโลก” เพราะโดยส่วนใหญ่เมื่อของมีราคาถูกมักจะตามมาด้วยคุณภาพที่ลดหลั่นไปตามกัน ดังนั้นของถูก ก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะใช้งานได้นาน ทำให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วทางที่ดี หากว่าของคุณภาพต่ำ แต่เราเพิ่มเงินอีกไม่มาก ก็สามารถได้ใช้ของที่มีคุณภาพราคาสมเหตุสมผลแล้ว ซึ่งทั้งนี้ก็ควรดูควบคู่ไปกับความจำเป็นในการใช้งาน ของเราด้วยนะครับ ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติมากมาย แค่หากว่าเราสามารถใช้งานได้ตามที่เราต้องการก็เพียงพอแล้ว ตามตัวอย่างต่อไปนี้
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและสินค้าแฟชั่น ไม่จำเป็นต้องซื้อแบบมีแบรนด์หรือยี่ห้อเสมอไป เพราะราคาจะค่อนข้างสูงและบางครั้งคุณภาพของเนื้อผ้าก็ไม่ได้แตกต่างมากมายจากเสื้อผ้าทั่วๆไป