เรา เคยสังเกตกันบ้างไหมครับ หลายๆครั้งเวลาที่เรามักจะเสียเงินมากที่สุดมักจะเป็นตอนที่เห็นของราคาถูก หรือป้ายลดราคา (SALE) ยิ่งโดยเฉพาะขาช้อปประจำทั้งหลายแล้วน่าจะโดนกระตุ้นและดึงดูดด้วยสิ่งเหล่านี้
เพราะต่างคิดว่ามันคุ้มค่าและประหยัดเงินในกระเป๋า ซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
อย่างที่คนมักพูดกันว่า “ของถูกและดีไม่มีในโลก” เพราะโดยส่วนใหญ่เมื่อของมีราคาถูกมักจะตามมาด้วยคุณภาพที่ลดหลั่นไปตามกัน ดังนั้นของถูก ก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะใช้งานได้นาน ทำให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วทางที่ดี หากว่าของคุณภาพต่ำ แต่เราเพิ่มเงินอีกไม่มาก ก็สามารถได้ใช้ของที่มีคุณภาพราคาสมเหตุสมผลแล้ว ซึ่งทั้งนี้ก็ควรดูควบคู่ไปกับความจำเป็นในการใช้งาน ของเราด้วยนะครับ ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติมากมาย แค่หากว่าเราสามารถใช้งานได้ตามที่เราต้องการก็เพียงพอแล้ว ตามตัวอย่างต่อไปนี้
- เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและสินค้าแฟชั่น ไม่จำเป็นต้องซื้อแบบมีแบรนด์หรือยี่ห้อเสมอไป เพราะราคาจะค่อนข้างสูงและบางครั้งคุณภาพของเนื้อผ้าก็ไม่ได้แตกต่างมากมายจากเสื้อผ้าทั่วๆไป
- สินค้า IT หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวก ทีวี, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์ โดยมากแล้วราคามักจะสูงตามสเปคของสินค้านั้นๆ ซึ่งโดยหลักเราควรดูจากประโยชน์ต่อตัวเราเป็นหลักเสียก่อนว่านำมาใช้ได้คุ้มค่ามีประโยชน์เพียงพอมากน้อยเพียงใดเมื่อเกิดการใช้งานจริง
- กระเป๋าและรองเท้า (โดยเฉพาะคุณผู้หญิง) มักมีกันเป็นหลายสิบชิ้น พอถึงเวลาใช้งานจริง มักจะใช้อันที่ชอบเพียงไม่กี่อันเป็นประจำส่วนใหญ่ ในส่วนนี้พอคำนวณรวมๆกันแล้วบางทีก็เป็นเงินที่จ่ายไปสูงมากเช่นเดียวกัน ซึ่งทางที่ดีควรมีเท่าที่จำเป็นดีกว่านะครับ
และอีกส่วนหนึ่งที่มักเป็นแม่เหล็กดึงดูดเงินออกจากกระเป๋าเราได้ง่าย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ไม่พ้นทำให้เราเสียเงินไปมากมายหลายครั้งก็คือ “สินค้าลดราคา” นั้นเอง ยิ่งตอนหน้าเทศกาลตามศูนย์การค้าต่างๆมักขึ้นป้าย “SALE” (บางแห่งลดกันที 90% !!!) ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่พลาด เพราะคิดว่าซื้อไว้ก่อน ราคาถูกกว่าปกติมาก ใช้ไม่ใช้อีกเรื่องหนึ่ง ทั้งที่หลายๆอย่างเราก็ซื้อมาทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้หรือใช้เพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากอารมณ์ในขณะนั้นที่รู้สึกเสียดายของลดราคาเพียงเท่านั้นเอง
ดังนั้นทางที่ดี ก่อนซื้อทุกครั้งให้เราลองไตร่ตรองนึกถึงประโยชน์ 4 ข้อนี้ก่อนทุกครั้งคือ ซื้อเพราะอะไร?, ใช้นานเท่าไหร่?, จำเป็นหรือไม่อย่างไร?, และคุ้มค่ามากน้อยเพียงใดกับเงินที่จ่ายไป? เพียงเท่านี้เราก็สามารถประหยัดและมีเงินเก็บออมกันได้อีกเยอะมากขึ้นแน่นอน